เมื่อทนายตกเป็นผู้ต้องหา?
ไม่ว่าชนชั้นใดหากถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด ก็จะต้องมีหน้าที่ไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองต่อศาลครับ ก็เป็นที่เข้าใจว่าในระบบกฏหมายของเรานั้นรับมาจากประเทศอังกฤษ เป็นระบบกล่าวหา ผู้ใดถูกกล่าวหาก็จะต้องมีหน้าที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองครับ ข้อหาที่ทนายได้ตกเป็นผู้ต้องหา ก็ไม่ใช่ความผิดอาญาที่มีอัตราโทษสูงส่งอะไรครับ มีอัตราโทษเพียงปรับไม่เกิน ๒ พันบาทครับ ข้อหาที่ว่า คือ "ทนายถูกพนักงานตำรวจจราจรกล่าวหาว่าเป็นผู้ตัดแปลงสภาพหลังคารถและใช้รถดัดแปลง" หากจะพูดกันให้ชัดลงไปก็คือ รถประจำตัวทนายเป็นรถแบบสี่ประตูลักษณะป้ายทะเบียนเป็นสีฟ้า ป้ายประเภทนี้เป็นป้ายแบบรถนั่งสองแถว ส่วนบุคคลครับ ท่าน ๆ ขับรถไปในท้องถนนใน กทม. จะเห็นว่ารถยนต์ที่ใช้แผ่นป้ายแบบนี้มีมากมายจนนับไม่ถ้วนครับ วิ่งกันไปมาเกลื่อนเมืองครับ ปรากฏว่าทนายไม่ยอมรับผิดตามข้อกล่าวหา เพราะข้อเท็จจริงทนายซื้อรถป้ายแดงจากตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มาทนายบอกว่าให้ติดตั้งหลังคาแครี่บอยกระบะท้ายให้ด้วย พนักงานขายก็ไปดำเนินการตามความประสงค์เรียบร้อยโดยคิดราคารวมกับการชำระราคารถยนต์ ทนายชำระเงินให้ไป เรียบร้อย ต่อมาอีกประมาณ ๑ เดือนก็ได้รับแผ่นป้ายทะเบียนสีฟ้า ทนายใช้รถวิ่งไปเหนือ อิสาน ใต้ ก็ไม่เคยถูกจับสักครั้ง ดันมาถูกจับในกรุงเทพฯ พนักงานจราจรนำพาทนายไปพบร้อยเวร และปฏิเสธ ปรากฏว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าทนายเป็นผู้คัดแปลงรถและนำรถไปตรวจสภาพ ทนายเลยต้องยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ครับ
ที่ทนายเล่ามาให้ฟังทั้งหมดนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฏหมายที่เกี่ยวกับรถยนต์นั่นคือ พรบ.รถยนต์ปี พ.ศ.๒๕๒๒ ครับ
ซึ่งตัวบทกฏหมาย ระบุว่าผู้ที่จะผิดในเรื่องตามข้อเท็จจริงได้ จะต้องได้เป็นผู้ดัดแปลงและใช้รถดัดแปลงสภาพครับ ในเรื่องดังกล่าวทนายไม่ได้คัดแปลงตามข้อต่อสู้แต่ทนายรับว่ารถคันที่ขับมีหลังคาที่มีระดับความสูงไม่ได้มาตราฐานที่กฏหมายกำหนดไว้ครับ เมื่อวันก่อนทนายได้ยินแว่วมาว่า จะมีการกวดขันจับกุมในเรื่องรถที่มีแผ่นป้ายทะเบียนสีฟ้า หากท่านที่เข้ามาอ่านพบบทความนี้ หากถูกจับกุมก็ให้ปฏิเสธครับ ยอมเสียเวลานะครับ เพราะทนายต้องการให้มีคดีขึ้นไปสู่ศาลมาก ๆ ครับ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทนายเห็นว่าเป็นการที่เกิดขึ้นจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งทางบกร่วมกับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ครับ
จาก ทนายรถ..tanayrod.com